XAUUSD พุ่งแรงหลัง FED ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย – เทรดเดอร์รายย่อยโกยกำไรอีกเท่าตัว 100% จาก XAUUSD

ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดทองคำ (XAU/USD) กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกทะยานขึ้นจากแรงหนุนของข่าวเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบถัดไป ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลก รวมถึงเทรดเดอร์รายย่อยในไทย เริ่มกลับมาเปิดสถานะ “ซื้อทองคำ” เพื่อเก็งกำไรจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน

จากภาพตัวอย่างบัญชีเทรด MetaTrader ของเทรดเดอร์รายหนึ่ง แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง — เขาสามารถทำกำไรได้ถึง 535.81 ดอลลาร์ จากเงินทุนเริ่มต้นเพียง 500 ดอลลาร์ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หรือคิดเป็นผลตอบแทนกว่า 100% เลยทีเดียว

นี่เป็นสัญญาณชัดว่า “กระแสทองคำ” กำลังกลับมาแรงอีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2025


🟠 การเคลื่อนไหวของราคาทองคำ (Gold Spot / XAUUSD)

ข้อมูลจากตลาดสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากบริเวณ 3,770 ดอลลาร์/ออนซ์ ไปจนถึงระดับ 3,820–3,830 ดอลลาร์/ออนซ์ ภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน โดยมีจุดทำกำไรเด่นอยู่ระหว่าง 3,782 – 3,829 ดอลลาร์ ตามที่ปรากฏในประวัติการเทรด

เทรดเดอร์รายนี้เปิดออเดอร์ซื้อ (Buy) หลายไม้ในช่วงราคาเฉลี่ยประมาณ 3,774 – 3,799 ดอลลาร์ ก่อนจะปิดทำกำไรเมื่อราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการขาดทุนหนักหรือออเดอร์ค้างขาดทุน ซึ่งสะท้อนถึงการวางแผนเทรดที่แม่นยำและมีวินัยสูง


🟡 ปัจจัยหนุนราคาทองคำ

  1. เฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน
    รายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง และเฟดอาจ “คงอัตราดอกเบี้ย” ไว้ในระดับเดิมในรอบหน้า เพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง และทองคำได้รับแรงซื้อกลับทันที

  2. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
    ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงความเสี่ยงจากสงครามการค้าใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น

  3. ความต้องการทองคำจากกองทุน ETF และธนาคารกลาง
    ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่าธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ยังคงทยอยสะสมทองคำต่อเนื่องในปี 2025 เพื่อกระจายความเสี่ยงจากเงินดอลลาร์


🟠 การวิเคราะห์เชิงเทคนิค

หากพิจารณาจากกราฟทองคำรายวัน (Daily Chart) จะพบว่าราคาได้ทะลุแนวต้านสำคัญบริเวณ 3,780 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณ “Breakout” ที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวขึ้นระยะกลาง เป้าหมายต่อไปของทองคำอาจอยู่ที่ 3,850 – 3,900 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 3,760 ดอลลาร์ หากราคาย่อตัวลงต่ำกว่านี้ อาจเห็นแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่โดยรวมยังคงอยู่ในกรอบขาขึ้นอย่างชัดเจน


🟡 บทเรียนจากเทรดเดอร์รายย่อย

จากภาพบัญชีเทรดจริง จะเห็นได้ว่าผู้เทรดใช้ขนาดล็อตเล็ก (0.01 – 0.04 ล็อต) แต่เน้น “เข้าไม้หลายครั้งในจังหวะเดิม” เพื่อเฉลี่ยต้นทุนและลดความเสี่ยง โดยไม่ใช้เลเวอเรจสูงเกินไป วิธีนี้ทำให้สามารถควบคุมพอร์ตได้ดี และปิดกำไรได้หลายไม้ติดต่อกัน

เทคนิคสำคัญที่เห็นได้คือ

  • เปิดออเดอร์ Buy เฉพาะช่วงที่ราคาย่อเข้าแนวรับ

  • ปิดกำไรอย่างมีวินัย ไม่ถือข้ามวันเกินความจำเป็น

  • ไม่ใช้การ “เทรดสวนเทรนด์”
    ซึ่งทั้งหมดเป็นหลักการพื้นฐานที่เทรดเดอร์มือใหม่สามารถนำไปปรับใช้ได้


🟠 แนวโน้มทองคำไตรมาส 4 ปี 2025

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าทองคำยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 3,900 – 3,950 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากแรงซื้อจากกองทุนและธนาคารกลางทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง

หากเฟดยืนยันชะลอการขึ้นดอกเบี้ยจริงในเดือนพฤศจิกายน จะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดใหม่ของปี 2025 ได้ไม่ยาก


🟡 สรุปภาพรวม

กรณีศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า “การเทรดทองคำ” ยังคงเป็นตลาดที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถสร้างผลตอบแทนสูงได้ หากมีการวางแผนและบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงเศรษฐกิจผันผวน และอาจกลายเป็น “ดาวเด่น” ของปี 2025 อีกครั้ง

Click to Subscribe